15736 จำนวนผู้เข้าชม |
ระบบ Conventional หรือ บางคนอาจจะเรียกว่า Hard-wire เป็นระบบที่มีการแจ้งเตือนแบบระบุเป็นโซน ซึ่งการแบ่งโซนการแจ้งเตือนจะขึ้นอยู่กับการออกแบบและการเดินสายสัญญาณมายังตู้ควบคุม ยกตัวอย่าง เช่น อุปกรณ์ตรวจจับ(Detectors) ตัวใดตัวหนึ่งที่อยู่ในแนวของสายสัญญาณนั้น ๆ มีการตรวจจับเหตุเกิดขึ้น จะส่งสัญญาณมายังตู้ควบเพื่อแจ้งเตือน และ แสดงผลตามลำดับโซนที่มีการเชื่อมต่อของสายสัญญาณ
การเดินสายสัญญาณ ระบบ Conventional จะเดินสายแบบ Class B 1 โซน จะใช้สายสัญญาณ 2 เส้น จากตู้ควบคุมไปถึงอุปกรณ์ตัวสุดท้าย เมื่อสิ้นสุดอุปกรณ์ตัวสุดท้าย จำเป็นต้องมีตัว End of line เพื่อให้ตู้ควบคุมรับรู้ได้ว่าเป็นการสิ้นสุดของวงจร
ข้อดี ของระบบ Conventional เป็นระบบที่ติดตั้งง่ายเพียงอาศัยการเชื่อมต่อของสายสัญญาณที่ถูกต้อง ระบบก็สามารถทำงานได้อย่างปกติ ไม่จำเป็นต้องใช้การโปรแกรมตู้ควบคุมให้ซับซ้อน และ ยังเป็นระบบที่ราคาของตู้ควบคุมและอุปกรณ์ตรวจจับ(Detectors) ราคาไม่สูงมาก
ข้อจำกัด ของระบบ Conventional เป็นระบบที่ไม่ค่อยมีความยืดหยุ่น จำนวนโซนที่รองรับสูงสุดจะตายตัวตามขนาดของตู้ควบคุม ซึ่งมี 2 ขนาด ขนาด 8 โซน และ 16 โซน ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม สามารถรองรับอุปกรณ์ตรวจจับ(Detectors) ได้มากถึง 32 อุปกรณ์ ต่อ 1 โซนตรวจจับ ตู้ควบคุมทั้ง 2 ขนาดจะมีโซนสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์แจ้งเตือน(Alarm Devices) มาให้ 2 โซน สามารถรองรับอุปกรณ์แจ้งเตือน(Alarm Devices) ได้มากถึง 10 อุปกรณ์ ต่อ 1 โซนแจ้งเตือน
สถานที่ที่เหมาะสมกับการติดตั้ง ระบบ Conventional จะเหมาะกับสถานที่ที่มีขนาดของพื้นที่ไม่เยอะมากนัก เนื่องจากการแจ้งเตือนจะเป็นโซนหรือเป็นบริเวณ ซึ่งถ้าขนาดพื้นที่ของโซนนั้น ๆ มีบริเวณกว้างจะทำให้เกิดความล้าช้าในการเข้าถึงจุดเกิดเหตุ เพราะเหตุนี้ระบบ Conventional จึงเหมาะกับสถานที่ที่มีการแบ่งพื้นอย่างชัดเจน เช่น ตึกแถว โฮมออฟฟิศ อาคารสำนักงานขนาดเล็กถึงขนาดกลาง โรงเรียน โรงงานขนาดเล็กถึงขนาดกลาง อพาร์ทเม้นท์ คอนโดขนาดเล็กถึงขนาดกลาง โรงแรมขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ซึ่งงานประเภท อพาร์ทเม้นท์ คอนโด โรงแรม แนะนำให้ติดอุปกรณ์ remote indicator lamp บริเวณหน้าห้องพัก เพื่อทราบว่าเหตุเกิดขึ้นที่ห้องพักห้องไหน โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเข้าไปตรวจสอบในห้องพัก